ยุคที่ 2 ยุคทรานซิสเตอร์


ยุคที่ ยุคทรานซิสเตอร์ 2502-2506

ยุคนี้อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 – 2506 เครื่องคอมพิวเตอร์ยุคนี้ใช้ทรานซิสเตอร์(transistor) เป็นองค์ประกอบหลักของวงจรไฟฟ้าแทนหลอดสุญญากาศ โดยผู้ที่คิดค้นทรานซิสเตอร์คือนักวิทยาศาสตร์สามคนของห้องปฏิบัติการเบลล์ (Bell laboratories) แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แก่ บาร์ดีน ( J. Bardeen ) แบรทเทน (H.W. Brattain ) และชอคเลย์( W.Shockley) การใช้ทรานซิสเตอร์ในการผลิตคอมพิวตอร์แทนหลอดสุญญากาศ ทำให้ตัวคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก โดยทรานซิสเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกมีขนาด 1 ใน 100 ของสุญญากาศเท่านั้น นอกจากขนาดเล็กแล้วยังมีคุณสมบัติที่ดีอีกหลายประการคือ ไม่เปลืองกระแสไฟฟ้า ไม่ต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องเมื่อแรกเปิดเครื่อง



ทรานซิสเตอร์
ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพและความเร็วเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถบวกจำนวน 2 จำนวนได้ในเวลาประมาณหนึ่งในล้านวินาที (microsecond ) โดยที่ทรานซิสเตอร์เป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญยิ่ง จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งสามคนได้รับรางวัลโนเบล

วงจรที่ประกอบด้วยทรานซิสเตอร์

นอกจากจะมีวิวัฒนาการเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ยังมีการพัฒนาภาษาที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย ในยุคนี้มีการใช้ภาษาแอสเซมบลี (assembly language ) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้คำย่อเป็นคำสั่งแทนรหัสเลข ทำให้การเขียนโปรแกรมสะดวกขึ้น หลังจากนี้ก็มีการพัฒนาภาษาระดับสูง คือ ภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่คนสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่น ในกลางปีพ.ศ. 2498 เริ่มมีการใช้ภาษาฟอร์แทรน ( FORmular TRANslation : FORTRAN ) ในงานทางด้านคณิตศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ในปี พ. ศ. 2502 มีการพัฒนาภาษาโคบอล
ใช้ในทางด้านธุรกิจ ทั้งสองภาษานี้ยังมีการใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ถึงปัจจุบันในปี พ. ศ. 2505 มีการนำชุดจานแม่เหล็กที่ถอดเปลี่ยนได้มาใช้บันทึกข้อมูลแทนการใช้เทปแม่เหล็ก เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ยุคนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้คอมพิวเตอร์ถูกลง และทำให้ธุรกิจต่าง ๆเริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกิจการมากขึ้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น